รู้จัก “ชิ้นส่วนเนื้อวัว” แต่ละประเภท เลือกอย่างไรให้เหมาะกับเมนูของคุณ

ชิ้นส่วนเนื้อวัว เป็นวัตถุดิบที่มีความหลากหลายสูง ทั้งในแง่ของรสชาติ เนื้อสัมผัส และวิธีการปรุง ทำให้การเข้าใจแต่ละส่วนของเนื้อวัวจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทั้งเชฟมืออาชีพและผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหาร เพราะหากเลือกใช้ชิ้นส่วนเนื้อวัวได้เหมาะสมกับเมนู ก็จะยิ่งช่วยดึงรสชาติของอาหารออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นบทความนี้เราจะพามารู้จักชิ้นส่วนเนื้อวัวแต่ละส่วนกันกับระดับความนุ่มกัน
แนะนำชิ้นส่วนเนื้อวัว: เลือกอย่างไรให้ตรงใจ ตามระดับความนุ่ม
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักในการรับประทานเนื้อวัว ไม่ว่าจะเป็นการย่าง ปิ้ง ต้ม หรือนำไปประกอบอาหารจานโปรด การเข้าใจถึง “ชิ้นส่วนเนื้อวัว” ต่างๆ รวมถึงระดับความนุ่มของแต่ละชิ้น ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณเลือกเนื้อได้เหมาะสมกับเมนู และได้รสสัมผัสที่ดีที่สุดจากวัตถุดิบคุณภาพชั้นเยี่ยม ชิ้นส่วนเนื้อวัวแต่ละประเภทพร้อมจำแนกระดับความนุ่ม ได้ดังนี้
ชิ้นส่วนเนื้อวัวระดับนุ่มมาก (Premium Cuts)
ชิ้นส่วนเนื้อวัวในกลุ่มนี้มักมาจากกล้ามเนื้อที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน จึงมีเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน มักถูกเลือกใช้ในเมนูย่างหรือสเต๊กระดับพรีเมียม ได้แก่
- สันใน (Tenderloin)
เป็นชิ้นส่วนที่ขึ้นชื่อว่านุ่มที่สุดในของวัว เหมาะสำหรับสเต๊กที่ต้องการความละลายในปาก หรือเมนูเนื้อย่างคุณภาพสูง
คำแนะนำ: ควรย่างแบบมีเดียมแรร์ เพื่อคงความฉ่ำและนุ่มที่สุด
- ริบอาย (Ribeye)
มาพร้อมไขมันแทรกอย่างเหมาะสม ทำให้ได้รสชาติกลมกล่อม นุ่มแต่มีเท็กซ์
เหมาะกับ: สเต๊ก, ย่างกระทะ, กริลล์
- สันนอก (Striploin)
นุ่มรองจากสันใน มีชั้นไขมันขอบเนื้อเพิ่มความหอมและฉ่ำ
นิยมใน: เมนูเนื้อย่างเกาหลี, สเต๊กแบบตะวันตก
ชิ้นส่วนเนื้อวัวระดับนุ่มปานกลาง
ชิ้นส่วนเนื้อกลุ่มนี้จะมีความนุ่มในระดับพอดี มีเนื้อสัมผัสแน่นขึ้น เหมาะสำหรับเมนูที่ต้องการเนื้อมีโครงสร้าง แต่ยังคงความอร่อย ได้แก่
- เนื้อสะโพก (Topside / Rump)
เนื้อแน่นแต่ไม่เหนียว เหมาะสำหรับสไลซ์บางเพื่อผัด หรือทำเมนูตุ๋น (Slow Cooked)
เหมาะสำหรับเมนู: เมนูผัดน้ำมันหอย, สตูว์, หมูกระทะ
- ใบพาย (Oyster Blade)
อยู่ใกล้กับหัวไหล่ เนื้อนุ่มในระดับปานกลาง หากตุ๋นจะยิ่งทำให้เนื้อนุ่มขึ้น
เหมาะสำหรับเมนู: เมนูสตูว์, ต้มเนื้อ, เนื้อเปื่อย
ชิ้นส่วนเนื้อวัวระดับความนุ่มน้อยที่สุด
แม้ว่าชิ้นส่วนเนื้อวัวส่วนนี้จะไม่นุ่ม แต่หากรู้วิธีปรุง กลุ่มเนื้อเหล่านี้จะให้รสชาติที่เข้มข้น เคี้ยวสู้ฟัน เหมาะกับเมนูที่ต้องการความ “รสชาติเนื้อที่เข้มข้น” ได้แก่
- เนื้อติดหน้าอก (Brisket)
เนื้อส่วนหน้าติดกับช่วงหน้าอกลงมาถึงท้องวัว ต้องใช้เวลาในการตุ๋นหรือต้มจนเปื่อย หรือควรนำมาผ่านการ Sous Vide เพื่อกให้ได้ความนุ่มก่อนนำไปย่าง
เหมาะสำหรับเมนู: ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น, ซุปเนื้อ, ต้มแซ่บ, นำมาสไลซ์บาง ทำชาบูหรือปิ้งย่าง
- แก้มวัว (Beef Cheek)
หนึ่งในชิ้นส่วนที่ได้รับความนิยมในวงการอาหารฝรั่งเศส เพราะเมื่อเคี่ยวจะนุ่มละลายและมีรสเข้มข้น
เหมาะสำหรับเมนู: เมนูสตูว์, ไวน์ซอส, ตุ๋นยาจีน
- เนื้อน่องติดกระดูก/เนื้อติดกับขา (Shank)
เนื้อส่วนที่ติดกับขา เป็นส่วนที่มีเอ็นแทรกอยู่เยอะ จึงมีความชุ่มฉ่ำจากเอ็นแทรกอยู่ เหมาะกับการตุ๋นให้นาน เพื่อดึงรสชาติออกมาอย่างเต็มที่
เหมาะสำหรับเมนู: ซุปเนื้อ, ข้าวมันเนื้อ, ก๋วยเตี๋ยวเอ็นตุ๋น, สตูว์
ขั้นตอนการเลือกเนื้อวัวด้วยตัวเอง

การเลือกซื้อ ชิ้นส่วนเนื้อวัว ให้ได้คุณภาพ ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ชื่อชิ้นส่วนหรือระดับความนุ่มเท่านั้น แต่ยังต้องสังเกตลักษณะของเนื้อวัวด้วยตาเปล่า และพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
1. สีของเนื้อ
- เนื้อที่เพิ่งผ่านการแล่ใหม่ มักจะมีสีแดงอมม่วง โดยเฉพาะหากถูกบรรจุในถุงสุญญากาศ สีของเนื้ออาจออกไปทางม่วงเข้ม ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เมื่อเนื้อสัมผัสกับอากาศ สีจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็น แดงสด แสดงถึงการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันตามธรรมชาติ
- หากเนื้อถูกเก็บไว้นาน สีอาจกลายเป็น แดงอมน้ำตาลเข้ม หรือมีสีเทาตามขอบเนื้อ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเนื้อเริ่มเสื่อมสภาพ ไม่ควรบริโภค
2. กลิ่นและผิวสัมผัสของเนื้อ
- เนื้อวัวที่ดีควรถูกเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็นสม่ำเสมอ และไม่มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นเปรี้ยว
- ผิวเนื้อควรมีลักษณะตึง แน่น เมื่อลองกดด้วยนิ้วแล้วไม่ควรยุบหรือเละ หากผิวสัมผัสนิ่มหรือเหนียวลื่น อาจเป็นสัญญาณของเนื้อที่เริ่มเน่าเสีย
3. ลายไขมันในเนื้อ (Marbling)
- ลายไขมันธรรมชาติในเนื้อคุณภาพดี ไขมันจะกระจายตัวแบบไม่สม่ำเสมอ แต่แทรกอยู่ทั่วเนื้อ เมื่อผ่านความร้อน ไขมันจะละลายและให้กลิ่นหอมเฉพาะตัว
- ร้านค้าบางแห่งอาจ ฉีดไขมัน เพื่อให้เนื้อดูมีลายไขมัน โดยลายเหล่านี้จะเรียงตัวอย่างสวยงามเกินจริง และแม้จะมีลายไขมันที่สวยงามแต่เมื่อนำไปย่าง จะไม่มีกลิ่นหอมเท่ากับเนื้อที่มีไขมันแทรกตามธรรมชาติ
การรู้จักและเข้าใจแต่ละ ชิ้นส่วนเนื้อวัว เป็นกุญแจสำคัญในการยกระดับคุณภาพของอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติและประสบการณ์ที่ดีที่สุด และยังช่วยควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและเพิ่มความคุ้มค่าในการปรุงอาหารอีกด้วย สำหรับร้านอาหาร การเลือกชิ้นส่วนที่เหมาะสมยังส่งผลต่อความประทับใจของลูกค้าโดยตรงอีกด้วย หากคุณสนใจผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัวนำเข้าคุณภาพ คลิกที่นี่
อ้างอิง